วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แก้วที่ไม่เคยพอ


แก้วที่ไม่เคยพอ

เรามักถูกสอนให้มองด้านดีว่า แก้วที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วนั้น มีน้ำเหลือตั้งครึ่งแก้ว มากกว่าที่จะมองว่าน้ำหายไปครึ่งแก้ว แต่จะมองด้านไหนก็ตาม ก็ทำให้เราคิดว่า แก้วยังขาด พร่อง ยังต้องหาน้ำมาเติมให้เต็ม

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราจะรู้สึกว่า เรายังมีไม่พอ ต้องมีนั่น มีนี่เสียก่อน แล้วเราจะอิ่มจะเต็ม สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยถูกสอนก็คือ ไม่ว่าเราจะพัฒนาความสามารถในการหาเงิน หาของ หาความรักให้ได้มากสักเท่าไหร่ก็ตาม น้ำในแก้วไม่มีวันเต็ม เพราะความอยากในใจเราไม่เคยหยุด แก้วของเราก็จะโตขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่เคยพอ

เมื่อก่อนที่เราเคยคิดว่า ถ้าเรามีเงินล้าน เราจะมีความสุข พอเรามีเข้าจริงๆ ปริมาณความต้องการ มาตรฐานการครองชีพ ความเป็นอยู่ของเราก็โตรุดหน้าไป จนเราต้องหาเพิ่มตลอดเวลา ซึ่งอย่าว่าแต่คนมีเงินสิบล้าน ร้อยล้านเลย ขนาดคนที่มีเงินเป็นหมื่นล้าน ยังหาเงินอย่างไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ เมื่อก่อนเราถือกระเป๋าใบละพันก็เก๋แล้ว เดี๋ยวนี้กระเป๋าผู้หญิงใบละ 7 - 8 แสน หรือถึงล้านก็ถือกันเกลื่อน คนที่เรารักหนักหนา ยากลำบากกว่าจะได้มา พออยู่กันไปนานๆ ใจเราก็เรียกร้องขึ้น ๆ เห็นจุดอ่อนข้อบกพร่อง ไม่อิ่ม ไม่เต็มได้ตลอดเวลา แก้วน้ำหรือความอยากในใจเราไม่เคยหยุดโต หาเท่าไหร่ไม่เคยเต็ม

เคล็ดลับความสุขก็คือ เราสามารถที่จะพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะหาเงิน หาความรัก เหมือนหาน้ำมาใส่แก้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับขนาดของแก้วให้พอดีกับน้ำ ให้ใจเราสามารถที่จะมีความสุขสงบพอใจกับขณะนี้ เดี๋ยวนี้ โดยไม่ต้องรออนาคต

ถ้าเรามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว แต่เราสามารถลดขนาดของแก้วน้ำลงจนเหลือเพียง 1 ใน 4 น้ำที่มีครึ่งแก้ว ก็จะล้นเกินอยู่อีกเท่าตัว มีเกินพอสำหรับเรา และพอที่จะแบ่งให้คนอื่น เมื่อเราเต็ม เราก็ไม่ต้องไปวิ่งหาน้ำมาเติมอีก มีเวลาเหลือเฟือให้ลูก ให้คนที่เรารัก ให้กับการพัฒนาจิตใจตัวเอง ให้กับสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเราอย่างแท้จริง

เข็มทิศ


การลดขนาดของแก้วก็คือ การที่เราหมั่นตามรู้ ตามดูจิตใจ ความรู้สึก ความคิดของเรา แต่ละขณะที่เรารู้ทันใจเราที่อยากได้ อยากให้คนอื่นคิดให้ถูกใจเรา ทุกขณะที่เรารู้ทัน ความอยากทำงานไม่ได้ เราก็ได้ลดขนาดของแก้วลงทุกขณะที่เรามีความรู้สึกตัว ชีวิตเราก็จะเป็นแก้วที่อิ่มเต็มพอดี พอเพียงมีความสุขมั่นคง






ขอขอบคุณบทความ จาก www.dhammajak.net/index2.php?option=com_content&task=view&id=720&pop=1&page=0 เป็นอย่างสูง ที่กระผมนำบทความนี้มาเสนอเพราะเป็นบทความที่ให้แนวความคิดที่ดีต่อผู้อ่าน ขอขอบพระคุณมากครับ

1 ความคิดเห็น: